ระบบผนังอาคารกันความร้อน โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักคือ ระบบผนังหุ้มฉนวนกันความร้อนภายในอาคาร และระบบผนังหุ้มฉนวนกันความร้อนภายนอกอาคาร สำหรับประเทศไทยส่วนมากจะใช้ระบบผนังกันความร้อนโดยการหุ้มฉนวนภายในอาคาร เนื่องจากสามารถติดตั้งง่าย แต่ระบบนี้มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนค่อนข้างต่ำ เพราะเมื่อความร้อนเข้ามาในอาคารแล้วก็จะเกิดการถ่ายเทความร้อนไปยังโครงสร้างอาคารได้มาก อีกทั้งตัวฉนวนกันความร้อนเองก็มีค่าการต้านทานความร้อนได้ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากมีความหนาได้ไม่มากเพียงพอ
ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการนำระบบผนังหุ้มฉนวนกันความร้อนภายนอกอาคาร (External Insulation Finish System, EIFS) มาใช้ โดยระบบผนังหุ้มฉนวนกันความร้อนภายนอกอาคารเป็นระบบการก่อสร้างที่สามารถกันความร้อนเข้ามาในอาคารได้ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะสามารถกันความร้อนได้มากถึง 52% เมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างผนังตามปกติ ซึ่งระบบ EIFS โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีค่าความต้านทานความร้อน (R Value) ระหว่าง 4 - 5.9 ต่อความหนา 1 นิ้ว และหากมีการใช้วัสดุต่างๆประกอบที่ดีจะทำให้ค่า R มีค่ามากขึ้นถึง 11 - 18 หรือ มากกว่านั้น
โดยระบบผนัง EIFS เริ่มถูกคิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยุโรป แล้วเริ่มใช้งานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ.2500 และได้เป็นที่นิยมใช้งานอย่างกว้างขวางในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2510 และก็ได้ใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก รวมถึงประเทศจีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
ผนัง EIFS นี้สามารถใช้กับผนังอาคารที่พักอาศัย อาคารสาธารณะ อาคารสูง สถานศึกษา ได้โดยหากต้องการความคงทนหรือทนการกระแทกมากก็จะใช้วัสดุภายในที่ทนการกระแทกและเพิ่มความปลอดภัยมายิ่งขึ้น โดยผนัง EIFS เป็นผนังที่มีน้ำหนักเบา ทำให้ก่อสร้างได้รวดเร็ว และลดขนาดและน้ำหนักของโครงสร้างอาคารลงได้เป็นอย่างมาก สำหรับการก่อสร้างผนังอาคาร EIFS ในต่างประเทศนั้น จะมีหลากหลายรูปแบบมาก เนื่องจากสภาพอากาศที่แตกต่างและหลากหลายมากกว่าประเทศไทยซึ่งมีลักษณะอากาศแบบร้อนชื้น เช่นในต่างประเทศต้องมีการระบบระบายน้ำภายในผนังเพื่อป้องกันการขยายตัวของหิมะและการเกิดน้ำค้าง เป็นต้น
โดยทั่วไปโครงสร้างผนังระบบ EIFS ประกอบด้วยโครงเคร่าผนัง (Stud) แผ่นกั้นหุ้มทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยอาจใช้เป็นยิบซัมบอร์ดชนิดกันน้ำสำหรับภายนอกอาคาร หากมีสภาพความชื้นมากอาจต้องใช้แผ่นกันน้ำปูทับอีกที แล้วปูทับอีกทีด้วยฉนวนกันความร้อน เช่น แผ่นโฟมชนิดกันการลามไฟ (EPS) แล้วทับด้วยตะแกรง (Fiber) แล้วทาทับด้วย Base Coat ที่มีความหนาที่จะป้องกันรังสี UV ได้ เพราะโฟมจะเปลี่ยนสภาพได้เมื่อได้รับแสง UV แล้วทาด้วย Flex ซึ่งอาจเป็นสีผสมในนี้เลยก็ได้
โดย Base Coat และ Flex นี้มีมากมายหลายยี่ห้อในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะผสมทรายลงไปด้วยเพื่อสะท้อนรังสี UV ออกไป แต่บางรายก็จะไม่ใช้ทราย เพราะทรายมีอนุภาคที่สามารถทำให้เกิดสนิม เป็นอันตรายต่อโครงสร้างผนังได้ โดยวัสดุที่เอามาทำ Base Coat และ Flex นี้จะเป็นพวก Acrylic Polymer ซึ่งจะมีความเหนียวและยืดหยุ่นได้ดี ไม่เปราะ เพราะหากมีรอยร้าวได้จะทำให้เกิดน้ำซึมเข้าไปได้ จะทำให้ผนังเกิดปัญหาการรั่วซึมของน้ำ และโครงผนังเกิดสนิมได้ ผนัง EIFS นี้จะทำให้สีผนังมีความคงทนไม่หลุดร่อนได้ง่าย มีอายุยาวกว่าการใช้สีทาผนังทั่วไป และ สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วย สบู่ผสมน้ำเปล่า
ตัวอย่างลักษณะผนังระบบ EIFS ในรูปแบบต่างๆ
ที่มา: http://www.thaicontractors.com/content/cmenu/1/22/461.html