ที่มาภาพ : http://compliance365.co.uk/
วิกฤติพลังงานเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเนื่องจากต้นทุนพลังงานปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นและมีแนวโน้มที่พลังงานจะหมดลง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีระบบการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ควบคุมการใช้พลังงานในองค์กรเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งที่ผ่านมาโดยส่วนใหญ่แล้วองค์กรจะให้ความสำคัญกับการจัดการต้นทุนด้านอื่นมากกว่า เช่น วัตถุดิบ ยอดขาย แต่เมื่อราคาพลังงานสูงขึ้นทำให้องค์กรต่างๆ หันมาพัฒนาควบคุมการใช้พลังงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวทำให้องค์กรระหว่างประเทศหลายๆ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพลังงานต่างหามาตรการแล้วกำหนดขึ้นมารองรับกับภาวะโลกที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่น องค์กรระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน (International Organization for Standardization : ISO) ได้มองถึงปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นจึงจัดทำมาตรฐาน ISO 50001 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบการจัดการพลังงานให้องค์กรต่างๆ ได้นำไปใช้ เพื่อช่วยควบคุมและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รองรับกับวิกฤติด้านพลังงานและลดการส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มาตรฐาน ISO 50001 เป็นมาตรฐานระบบการจัดการฉบับใหม่ที่ได้รับการพัฒนานั้นเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างต่อเนื่องโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้องค์กรได้รับประโยชน์ดังนี้
1. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานขององค์กรโดยบูรณาการเข้ากับระบบการจัดการ ISO 9001 ISO 14001 ที่องค์กรทำอยู่
2. ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับเกณฑ์มาตรฐานอื่น (Benchmarking) การวัด การจัดทำระบบเอกสารและการรายงานผลการปรับปรุงด้านการพลังงานและการจัดการโครงการที่เกี่ยวข้องกับการลดการปลดปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจก
3. ให้องค์กรควบคุมผู้ส่งมอบที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่การผลิตเพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ให้องค์กรปรับปรุงการใช้ทรัพยากรด้านพลังงานให้คุ้มค่าการลงทุน เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
5. สนับสนุนให้เกิดการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านประสิทธิภาพพลังงาน
6. ให้องค์กรมีการดำเนินการด้านการจัดการพลังงานที่เป็นรูปธรรม นำไปปฏิบัติได้จริง ให้เกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อ
ที่มา : www.EnergySavingMedia.com และ http://www.masci.or.th